ลุ้น "ขี่ม้าไทย" ผ่านอีกด่านคว้าตั๋วไปโอลิมปิกแน่
กีฬา
การแข่งขันขี่ม้าอีเว้นท์ติ้ง ประเภททีม รายการ "CCI3*-L Saumur Complet 2019" ที่เมืองเซอมูร์ ประเทศฝรั่งเศส ระหว่างวันที่ 22-26 พ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่ง สมาคมกีฬาขี่ม้าแห่งประเทศไทยฯ ส่ง 4 นักกีฬาขี่ม้าทีมชาติไทย ประกอบด้วย "มิ้น" อาริย์ณัฏฐา ชวตานนท์ (Boleybawn Prince), "นัท" กรธวัช สำราญ (Luminous) , "บอมบ์" วีรภัฏ ปิฏกานนท์ ( Chateau De Versailles M) และ "กั๊ม" ศุภณัฐ วรรณกุล (Tzar Of Her Dreams) เข้าร่วมแข่งขัน โดยมี "ผู้พันแซม" พ.อ.เฟื่องวิชชุ์ อนิรุทธเทวา อุปนายกสมาคมกีฬาขี่ม้าฯ เป็นผู้จัดการทีม
สำหรับรายการนี้ สหพันธ์ขี่ม้านานาชาติ (FEI) กำหนดให้เป็นสนามคัดเลือกกีฬาโอลิมปิกเกมส์ 2020 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ของกลุ่ม G (ทวีปเอเชีย) โดยจะคัดเลือกเอา 2 ประเทศ ผ่านเข้าสู่รอบควอลิฟาย ในระดับ 4 ดาว ต่อไป โดยมี 4 ชาติ ร่วมชิงชัย ได้แก่ ญี่ปุ่น, จีน, ฮ่องกง และไทย ผลปรากฎว่า ทีมไรเดอร์ของไทย โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม ทำคะแนนเสียรวม 175.3 คะแนน คว้าอันดับ 3 มาครอง ส่วนอันดับ 1 ญี่ปุ่น คะแนนเสียรวม 129.3 และอันดับ 2 จีน คะแนนเสียรวม 135.4 แต่จากการที่ ญี่ปุ่น ได้โควตาไปแล้วในฐานะเจ้าภาพโอลิมปิกเกมส์ 2020 ทำให้ จีน และ ไทย จึงเป็น 2 ประเทศ ได้สิทธิ์เป็นตัวแทนทวีปเอเชีย ที่ผ่านเข้ารอบควอลิฟายต่อไป
นายนารา เกตุสิงห์ เลขาธิการสมาคมกีฬาขี่ม้าแห่งประเทศไทยฯ เปิดเผยว่า เป็นผลงานอันยอดเยี่ยมของทีมขี่ม้าไทย ประเภททีม อีเว้นท์ติ้ง ที่ช่วยกันทำผลงานจนได้สิทธิ์ผ่านเข้าควอลิฟายได้สำเร็จ หลังจากนี้ทีมไทยจะต้องเก็บตัวฝึกซ้อมต่อเนื่อง เพื่อทำการควอลิฟายในระดับ 4 ดาว ซึ่งเป็นระดับที่ยากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งในประเภททีมนั้น นักกีฬาและม้า จะต้องทำสถิติผ่านเกณฑ์ตามที่ FEI กำหนดไว้อย่างน้อย 3 คน มีระยะเวลาการควอลิฟายระหว่างเดือน ส.ค.-ธ.ค.62 นี้ หากทำสำเร็จทีมขี่ม้าไทย ก็จะได้เข้าร่วมแข่งขันโอลิมปิดเกมส์ 2020 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ในปีหน้าทันที
"ตอนนี้ทีมขี่ม้าของไทยฝ่าด่านสำคัญมาได้แล้ว จากนี้เหลือเพียงว่านักกีฬาและม้าคู่ใจของแต่ละคน จะทำสถิติผ่านหลักเกณฑ์ในระดับ 4 ดาว ที่สหพันธ์ฯ วางไว้หรือไม่ ซึ่งสนามที่จะใช้ควอลิฟาย ส่วนใหญ่จะอยู่ในทวีปยุโรป ดังนั้นช่วงเดือน ส.ค.-ธ.ค. ทุกคนก็จะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อทำผลงานออกมาให้ดีที่สุดในการคว้าตั๋วไปลุยโอลิมปิกเกมส์ให้ได้ต่อไป" พ่อบ้านขี่ม้าไทย กล่าว
ขอบคุณภาพจาก.....Sam Aniruth-deva