ข่าว"โค้ชกมล"ลั่นแก้มือหวังลบอดีตฝังใจเก็บ2ทองซีเกมส์ - kachon.com

      โค้ชกมล ตันกิมหงษ์ หัวหน้าผู้ฝึกสอนตะกร้อชายทีมชาติไทย เปิดเผยว่า ในการคุมทีมตะกร้อชายทีมชาติไทยของตนเอง เมื่อย้อนไปกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 23 ที่ประเทศฟิลิปปินส์ เมื่อ 14 ปีที่แล้ว นับเป็นครั้งที่ตนเองผิดหวังมากที่สุดในการคุมทีมชาติไทย เพราะในครั้งนั้นเจ้าภาพจัดชิงชัย 3 ประเภท คือ ทีมเดี่ยว ตะกร้อคู่ และตะกร้อลอดห่วงสากล และกำหนดให้ชาติสมาชิกส่งนักกีฬาได้เพียง 13 คน ซึ่งจริง ๆ แล้วควรส่งได้ 15 คน โดยในปีนั้นเป็นการจัดอีเวนต์ที่แปลกมาก เพราะจัดให้ตะกร้อลอดห่วงสากลเริ่มแข่งขันก่อนเป็นรายการแรก แล้วตนแยกเอาผู้เล่นเซปักอย่าง วรพจน์ ทองใส ตำแหน่งหน้าซ้ายชง แยกไปช่วยเล่นประเภทลอดห่วงก่อน เพราะนักกีฬาไม่พอ


     โค้ชกมล กล่าวต่อว่า หลังจบจากรายการลอดห่วงแล้วมาแข่งขันประเภททีมเดี่ยว จากนั้น วรพจน์ มีอาการเจ็บหลังอย่างหนักติดตัวมาด้วย ทำให้ทีมรับผลกระทบ ซึ่งในทีมเดี่ยวชุดนั้น ประกอบด้วย สืบศักดิ์ ผันสืบ, พรชัย เค้าแก้ว, สุริยัน เป๊ะชาญ ศราวุฒิ อินเล็ก และพูนศักดิ์ เพิ่มทรัพย์ ในรอบชิงชนะเลิศแพ้ให้กับ มาเลเซีย ที่ชุดนั้นมี อาหมัด นอร์มานิซาม เป็นตัวเสิร์ฟ ซึ่งตอนนั้นต้องบอกว่าเราโดนกรรมการตัดสินแบบไม่ได้รับความเป็นธรรมด้วย ซึ่ง ราดี้ ตอนนี้ได้ปลดเกษียณลงแล้ว เป็นกรรมการชาวสิงคโปร์ ได้ตัดสินช่วยเหลือให้แต้มมาเลเซียตลอดทั้งเกม โดยมีจังหวะที่พรชัยขึ้นบล็อคห่างจากเน็ตยาวเป็นศอก แต่ชี้ว่าพรชัยฟาวล์แบบที่คนดูงงกันทั้งสนาม ซึ่งครั้งนั้นเป็นครั้งที่ตนคุมทีมแล้วเห็นสืบศักดิ์ร้องไห้จากความชอกช้ำในผลการตัดสิน ส่วนหลังจากนั้น ตะกร้อคู่ไทย ที่มี เรวัติ พาบชมพู กับ สุริยัน และ พรชัย ก็แพ้ให้กับเมียนมาในรอบตัดเชือก ได้แค่เหรียญทองแดง ขณะที่ลอดห่วงสากล ทีมไทยได้เหรียญเงิน


     "โดยในซีเกมส์ ครั้งที่ 30 ระหว่างวันที่ 30 พ.ย. -11 ธ.ค.นี้ ที่ฟิลิปปินส์ ตนเองมั่นใจว่าประวัติศาสตร์เก่าจะไม่ซ้ำรอยเดิมแน่ เนื่องจากในศึกซีเกมส์หนนี้นั้นมีจัดการแข่งขันประเภททีมชุดชาย ซึ่งเป็นประเภทที่ทีมไทยถนัด และไทยมีดีกรีเป็นเบอร์หนึ่งของโลก ประกอบกับศักยภาพของตะกร้อไทยยุคนี้มีความแข็งแกร่งมาก และมั่นใจใน 2 ประเภทที่ไทยเลือกส่งเข้าชิงชัย ได้แก่ ทีมชุด และทีมเดี่ยว จะต้องคว้าทองแบบไม่ทำให้กองเชียร์ผิดหวัง" โค้ชกมล กล่าวทิ้งท้าย