'สิงห์เจ้าท่า' กับสารท้ารบจากเขย่าบัลลังก์ไทยลีก
กีฬา
น่าสนใจคือ หลังจากพลาดพ่าย สุโขทัย ในเกมที่ 5 การท่าเรือ เหมือนมีแรงสะท้อนกลับฉับพลันติดเครื่องโชว์ฟอร์ม "เผด็จศึก" รวดเดียว 4 นัด ถล่ม "ช้างขาวจ้าวเกาะ" ตราด 4-1, ตีรัง "ต่อพิฆาต" ประจวบ 5-0
เตะแบบไม่มีแฟน บุกชนะคู่ปรับ "กิเลนผยอง" เอสซีจี เมืองทอง 2-1
และล่าสุด ในเกมกดดัน ยังแซงชนะ "ช้างศึกยุทธหัตถี" สุพรรณบุรี
ส่วนนัดต่อไป ข้ามไป 12 พ.ค. ไปเยือน ชัยนาท ฮอร์นบิล
แม้ จเด็จ มีลาภ กุนซือใหญ่ จะพยายามลดแรงกดดัน บอกว่า "เกมยาว" ขอว่ากันแบบนัดต่อนัด
แต่จับกระแส นายหญิงคนดัง เชื่อว่าชั่วโมงนี้ คิดไปไกล
อยู่ยาวๆ นำนานๆ คือสิ่งที่มาดามแป้งคาดหวัง ซึ่งแน่นอน ปลายทางก็คือ "แชมป์ประวัติศาสตร์" ที่พวกเขาไม่เคยได้
แชมป์ที่จะทำให้กระแสฟุตบอลไทยกระเด้งระลอกใหญ่
ด้วยการที่เป็นทีมแฟนบอลเยอะ เป็นมหาอำนาจเก่า และความดังของ "มาดามแป้ง" สาวไฮโซ ที่อยู่ดีๆ ก็มาหลงรักฟุตบอล..ซะงั้น
เป็นความลงตัวของการท่าเรือ ที่ค่อยๆ ผสมผสาน ดาราต่างชาติเดิมเป็นแกนหลัก ความนิ่งของ ดราแกน บอสโควิช, การทำเกมของ เซร์คิโอ ซัวเรซ เติมด้วยความเก๋าของ โก ซุลกิ ที่พิสูจน์ตัวเองตั้งแต่อยู่ บุรีรัมย์ แล้วว่าเป็นของจริง
บดินทร์ ผาลา ที่แก่พรรษาขึ้นของ กำลังติดไฟ เข้าฝัก, ปกรณ์ เปรมภักดิ์ ที่เคยเดินเล่น กลับมาฟิตวิ่งเป็นม้า มีจังหวะครองบอลเรียกเสียงฮือฮา โดยเฉพาะท้ายเกมกับสุพรรณบุรี
รวมทั้งการเข้ามาเติมเต็มของดีกรี MVP ไทยลีก สุมัญญา ปุริสาย
ที่ลืมไม่ได้คือการบ่มเพาะประสบการณ์ของ มาดามแป้ง รู้ลูกล่อลูกชน มีบ่น มีโวยในเวลาที่เหมาะสม เพื่อผลประโยชน์ทีม
ส่วนผสมที่พอเหมาะพอเจาะ และ 1 ใน 3 ของซีซั่น ถือว่าทำได้ยอดเยี่ยม
กระนั้นก็ตาม คำที่ "เซอร์เด็จ" พูด ก็ปฏิเสธไม่ได้
"ยังอีกยาว"
การแข่งขันอีกถึง 2 ใน 3 ของซีซั่น
โจทย์แรกอยู่ที่ตัวเอง กับข้อพิสูจน์เรื่อง "ยืนระยะ"
โจทย์ต่อมา คือปัจจัยนอก เจ้าของสัมปทานเดิม บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่ฟอร์มช่วงต้น ยังไม่ลงล็อกนัก อาจเพราะมีการถ่ายเลือด
เด็กๆ ของ เนวิน ชิดชอบ จะเครื่องแรงเหมือนเดิมหรือไม่
ไม่ได้ดูเบาทีมอื่น แต่ถ้าทำได้ดีกว่าบุรีรัมย์ ก็คงไม่พลาดจาก "แชมป์"
กระนั้นก็ตาม ถือเป็นช่วงเวลาดีๆ และช่วงประกายความหวังของ การท่าเรือ
ผลงานเริ่มต้นแบบนี้ ลงท้ายแล้วจะไปถึงฝั่งฝันหรือเปล่า...ไม่รู้
แต่ที่แน่ๆ ได้เคาะประตู ส่งสาร "ท้าชิง" ไปยังเจ้าของตำแหน่งเดิมแล้ว.
*** วุฒินล ***
(สกู๊ปหน้า 20 นสพ.เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 3 พ.ค.)