ข่าวกรี๊ด!!! ดึง "หงส์แดง" ฟาดแข้งทีมชาติไทย พ.ค.นี้ - kachon.com

กรี๊ด!!! ดึง "หงส์แดง" ฟาดแข้งทีมชาติไทย พ.ค.นี้
กีฬา

photodune-2043745-college-student-s
ตามที่คณะกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทย (บอร์ดกกท.) ได้อนุมัติหลักการใช้เงินสำรองของกกท. เพื่อจัดการแข่งขันฟุตบอลนัดพิเศษระหว่างทีมสโมสรฟุตบอลชั้นนำจากต่างประเทศกับทีมชาติไทย นั้น 

ล่าสุด “บิ๊กก้อง” ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการ กกท. เปิดเผยว่า เบื้องต้นวางโปรแกรมจะจัดฟุตบอลนัดพิเศษประมาณวันที่18 พ.ค. เนื่องจากฟุตบอลในลีกยุโรปเพิ่งปิดฤดูกาลนักเตะชื่อดังยังไม่ได้แยกย้ายไปพักผ่อน จึงเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ฟุตบอลในลีกยุโรปยังไม่ปิดฤดูกาล รวมถึงฟุตบอลสโมสรชิงแชมป์สโมสรยุโรป หรือยูฟ่าแชมเปี้ยนลีก ก็ยังไม่เสร็จสิ้น ทำให้ยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะเป็นสโมสรใด ยอมรับว่าได้ส่งทีมงานติดต่อกับ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ยอดทีมแห่งพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เรียบร้อยแล้ว แต่ลิเวอร์พูลกำลังมีลุ้น 2 แชมป์ทั้งพรีเมียร์ลีกและยูฟ่าแชมเปี้ยนลีก จึงต้องรอดูโปรแกรมอีกสักระยะ โดยตอนนี้มีความเป็นไปได้ที่ลิเวอร์พูลจะเข้าถึงรอบรองชนะเลิศ (4ทีม) ยูฟ่าแชมเปี้ยนลีก หลังจากรอบก่อนรองฯ นัดแรกเปิดบ้านชนะ ปอร์โต จากโปรตุเกส 2-0 โดยนัดสองจะแข่งขันวันที่ 18 เม.ย. ดังนั้น หากผ่านเข้ารอบรองฯ ซึ่งนัดแรกแข่งขันวันที่ 30 เม.ย.และนัดสองวันที่ 7 พ.ค. โอกาสจะเดินทางมาแข่งขันนัดพิเศษที่ประเทศไทยคงจะยาก รวมทั้งหากผ่านเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ วันที่ 1 มิ.ย.ก็คงไม่สามารถมาได้แน่นอน จึงได้ประสานทีมชั้นนำอื่นๆ ทั้งจากสเปน, อิตาลี, อังกฤษ, เยอรมนีควบคู่กันไปด้วย

“ยืนยันว่าแมตช์ดังกล่าวจะขึ้นแน่นอนและต้องเป็นทีมชั้นนำด้วย ส่วนจะเป็นลิเวอร์พูล, “เจ้าบุญทุ่ม” บาร์เซโลน่า จากลาลีกาสเปน, “จิ้งจอกสยาม” เลสเตอร์ ซิตี้ จากพรีเมียร์ลีกอังกฤษ หรือทีมอื่นๆก็ขอดูเงื่อนไขอีกครั้ง แต่สิ่งที่อยากเห็นคือกิจกรรมที่ส่วนกลางกับส่วนภูมิภาคทั่วประเทศทำกิจกรรมพร้อมกันอาจจะขึ้นจอยักษ์, แฟนเฟสติวัล, เปิดคลินิกกีฬาเพื่อสร้างกระแสด้านกีฬาให้กับคนไทย  รวมทั้งยังสอดคล้องกันระหว่างสปอร์ตเอ็นเตอร์เทนเมนต์กับสปอร์ตมัวร์ริซึ่มด้วย” ดร.ก้องศักด กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าจะมีโอกาสดึงทีมชั้นนำของโลกหลายทีมมาแข่งขันพิเศษที่ประเทศไทยเหมือนรายการอินเตอร์เนชันแนลแชมเปียนส์คัพ หรือไอซีซีคัพ หรือไม่นั้น ผู้ว่าการ กกท. กล่าวว่าในอนาคตก็มีโอกาสเป็นไปได้แต่ก็ต้องดูศักยภาพโดยรวมด้วยว่ามีความพร้อมแค่ไหนเพราะต้องใช้งบประมาณค่อนข้างสูงเช่นกัน