'ไผ่ พงศธร' คนบ้านเดียวกันเติมฝันเตะเพื่อบ้านเกิด
กีฬา
Webmaster
2019-03-26 15:43:00
35
Webmaster
2019-03-26 15:43:00
35
-
สนับสนุนเนื่อหา
ถ้าเอ่ยนาม พงศธร หรือ ประยูร ศรีจันทร์ หลายคนอาจจะเฉยๆ แต่ถ้าพูดชื่อ “ไผ่ พงศธร” เชื่อว่าแฟนเพลงทั้งรุ่นเล็กรุ่นใหญ่คงส่งเสียงกรี๊ดกร๊าด วิ่งเข้ารุมล้อมขอลายเซ็นต์กันจนแทบไม่มีที่จะหายใจ
ด้วยความเป็นซูเปอร์สตาร์นักร้องแถวหน้าของเมืองไทย ที่ไม่มีใครปฎิเสธเสียงอันออดอ้อน ลูกคอเขบ็ตเจ็ดชั้น น้ำเสียงอันบาดลึกถึงก้นบึ้งหัวใจ
แต่อีกบทบาทที่เป็นความใฝ่ฝันมาแต่เยาว์วัย ก็ยังอยู่ในความใจเสมอมา เมื่อมีโอกาสก็จะรีบคว้าทันที
“ครั้งหนึ่งผมเคยมาเล่นสนามนี้ สมัยเล่นฟุตบอลกีฬากลุ่มตอนเป็นเด็ก”
น้ำเสียงหล่อๆ ที่ทุกคนคุ้นเคยแอบเอ่ยพร้อมรอยยิ้มมุมปากพูดถึง สนามกีฬาองค์การบริหารส่วนจังหวัดยโสธร หรือสนามกีฬาสวนพญาแถนที่อยู่เบื้องหน้าของเค้า
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ ไผ่ พงศธร เข้าสู่เวทีลูกหนังอาชีพ เพราะก่อนหน้านี้มีโอกาสเซ็นต์สัญญาเป็นนักฟุตบอลกับ ''ปลาทูคะนอง'' สมุทรสงคราม เอฟซี มาแล้ว
ความรักในเกมฟุตบอล มีอยู่แน่นอน แต่ความแตกต่างก็คือ ยโสธร คือจังหวัดบ้านเกิดของเขา
เป็นความภูมิใจที่ได้ทำในสิ่งที่รัก และทำให้กับจังหวัดของตัวเอง พี่ๆ น้องๆ ของตัวเอง
นักเตะเจ้าของหมายเลข 27 สโมสรยโสธร เอฟซี ยืนยันชัดเจนว่า นี่คือความฝันครั้งสำคัญที่ได้รับโอกาสมาเล่นฟุตบอลให้กับยโสธร
ไผ่ เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า เป็นคนชอบในกีฬาฟุตบอลอยู่แล้ว แต่โอกาสที่จะเล่นเป็นอาชีพค่อนข้างยาก เพราะเรื่องเวลาในการฝึกฝนมีน้อยเนื่องจากงานร้องเพลงปัจจุบันแทบไม่มีเวลาให้ได้เล่นฟุตบอลจริงจังเลย
"ผมชอบฟุตบอล เล่นฟุตบอลตามประสาเด็กหนุ่มครับ แต่เส้นทางชีวิตพาไปสู่วงการนักร้อง ยิ่งทำให้เวลาในการเล่น การซ้อมฟุตบอลมีน้อยลง"
นักร้องคนบ้านเดียวกัน ไม่ได้ทิ้งเกมลูกหนัง เขารวมกลุ่มกับเพื่อน ตั้งทีมไปแข่งขันการกุศลตามที่ต่างๆด้วย
"ใจรักฟุตบอล หาโอกาสเล่นเรื่อยๆ รวมกับเพื่อนๆ ตั้งทีมเตะการกุศลตามงานต่างๆ"
"วันนี้ต่างกันไป ถือว่าเป็นการสานต่อความฝันของผมเพราะเป็นคนชอบเล่นฟุตบอลอยู่แล้ว การตั้งทีมของผม เล่นการกุศล มันต่างกับฟุตบอลอาชีพมาก"
"เรารักฟุตบอลก็จริง แต่ไม่ใช่เล่นเพื่อความสนุกอย่างเดียว แต่เป็นการเล่นอย่างจริงจัง เล่นเพื่อชัยชนะ ทุ่มเทกำลัง ทั้งซ้อม แข่ง แท็คติก เทคนิค เพื่อนำผลการแข่งขันที่ดีมาสู่สโมสร ให้แฟนบอลได้ดีใจ"
ไผ่ พงศธร ยอมรับว่า ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย โดยเฉพาะสภาพร่างกาย แต่บนความยากลำบาก ก็ยังเป็นเรื่องที่เขาดีใจที่ได้เติมเต็มความฝัน
"ยอมรับว่าร่างกายผมไม่แข็งแกร่งเหมือนเมื่อก่อน แต่ดีใจมากๆ ที่มีโอกาสได้เป็นส่วนหนึ่งของบ้านเกิด"
"แม้ว่ามีเวลาไม่มาก แต่เต็มใจและเต็มที่ ต้องขอขอบคุณผู้บริหารสโมสรทุกท่านที่ให้โอกาส โดยเฉพาะพี่หม่ำ จ๊กม๊ก ประธานสโมสรและ พี่ติ๊ก (จ่าเอกสุทธิชัย ไชยวิเศษ) รองประธานสโมสร ที่ให้โอกาส"
"ผมพยายามช่วยทีมเต็มที่ หวังว่าทีมยโสธร เอฟซี จะก้าวขึ้นไปเล่นในลีกที่สูงขึ้นในไม่นานนี้ อยากขอเชิญชวนพ่อแม่พี่น้องชาวยโสธรทุกท่าน มาส่งกำลังแรงใจช่วยกันเชียร์ทีมของเราเยอะๆ และอย่าลืมมาให้กำลังใจผมเล่นในรังเหย้าของเราด้วยครับ สัญญาว่ามาแน่นอน" ไผ่ พงศธร ทิ้งท้าย
ด้วยข้อจำกัดหลายอย่าง การเข้ามาของไผ่ พงศธร ยอดนักร้องซูเปอร์สตาร์ แน่นอนว่าเป้าหมายไม่ได้อยู่ที่การเสริมความแข็งแกร่งให้กับทีมยโสธร เอฟซี
แต่เป็นมิติการสร้างกระแส ปลุกความสนใจจากแฟนบอล แฟนเพลง ประชาชนทั่วไป หรือแม้แต่สปอนเซอร์ มาสู่สโมสรมากขึ้น และแน่นอนว่านั่นคืออีกแรงที่พยุงให้ บั้งไฟพิฆาต ทะยานฟ้า พุ่งสูงได้เช่นกัน.
******
คอลัมน์คุยนอกสนาม นสพ.เดลินิวส์
เรื่อง-ภาพ : ราชกิจ กรรณิกา
เรียบเรียง : วุฒินล
ด้วยความเป็นซูเปอร์สตาร์นักร้องแถวหน้าของเมืองไทย ที่ไม่มีใครปฎิเสธเสียงอันออดอ้อน ลูกคอเขบ็ตเจ็ดชั้น น้ำเสียงอันบาดลึกถึงก้นบึ้งหัวใจ
แต่อีกบทบาทที่เป็นความใฝ่ฝันมาแต่เยาว์วัย ก็ยังอยู่ในความใจเสมอมา เมื่อมีโอกาสก็จะรีบคว้าทันที
“ครั้งหนึ่งผมเคยมาเล่นสนามนี้ สมัยเล่นฟุตบอลกีฬากลุ่มตอนเป็นเด็ก”
น้ำเสียงหล่อๆ ที่ทุกคนคุ้นเคยแอบเอ่ยพร้อมรอยยิ้มมุมปากพูดถึง สนามกีฬาองค์การบริหารส่วนจังหวัดยโสธร หรือสนามกีฬาสวนพญาแถนที่อยู่เบื้องหน้าของเค้า
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ ไผ่ พงศธร เข้าสู่เวทีลูกหนังอาชีพ เพราะก่อนหน้านี้มีโอกาสเซ็นต์สัญญาเป็นนักฟุตบอลกับ ''ปลาทูคะนอง'' สมุทรสงคราม เอฟซี มาแล้ว
ความรักในเกมฟุตบอล มีอยู่แน่นอน แต่ความแตกต่างก็คือ ยโสธร คือจังหวัดบ้านเกิดของเขา
เป็นความภูมิใจที่ได้ทำในสิ่งที่รัก และทำให้กับจังหวัดของตัวเอง พี่ๆ น้องๆ ของตัวเอง
นักเตะเจ้าของหมายเลข 27 สโมสรยโสธร เอฟซี ยืนยันชัดเจนว่า นี่คือความฝันครั้งสำคัญที่ได้รับโอกาสมาเล่นฟุตบอลให้กับยโสธร
ไผ่ เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า เป็นคนชอบในกีฬาฟุตบอลอยู่แล้ว แต่โอกาสที่จะเล่นเป็นอาชีพค่อนข้างยาก เพราะเรื่องเวลาในการฝึกฝนมีน้อยเนื่องจากงานร้องเพลงปัจจุบันแทบไม่มีเวลาให้ได้เล่นฟุตบอลจริงจังเลย
"ผมชอบฟุตบอล เล่นฟุตบอลตามประสาเด็กหนุ่มครับ แต่เส้นทางชีวิตพาไปสู่วงการนักร้อง ยิ่งทำให้เวลาในการเล่น การซ้อมฟุตบอลมีน้อยลง"
นักร้องคนบ้านเดียวกัน ไม่ได้ทิ้งเกมลูกหนัง เขารวมกลุ่มกับเพื่อน ตั้งทีมไปแข่งขันการกุศลตามที่ต่างๆด้วย
"ใจรักฟุตบอล หาโอกาสเล่นเรื่อยๆ รวมกับเพื่อนๆ ตั้งทีมเตะการกุศลตามงานต่างๆ"
"วันนี้ต่างกันไป ถือว่าเป็นการสานต่อความฝันของผมเพราะเป็นคนชอบเล่นฟุตบอลอยู่แล้ว การตั้งทีมของผม เล่นการกุศล มันต่างกับฟุตบอลอาชีพมาก"
"เรารักฟุตบอลก็จริง แต่ไม่ใช่เล่นเพื่อความสนุกอย่างเดียว แต่เป็นการเล่นอย่างจริงจัง เล่นเพื่อชัยชนะ ทุ่มเทกำลัง ทั้งซ้อม แข่ง แท็คติก เทคนิค เพื่อนำผลการแข่งขันที่ดีมาสู่สโมสร ให้แฟนบอลได้ดีใจ"
ไผ่ พงศธร ยอมรับว่า ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย โดยเฉพาะสภาพร่างกาย แต่บนความยากลำบาก ก็ยังเป็นเรื่องที่เขาดีใจที่ได้เติมเต็มความฝัน
"ยอมรับว่าร่างกายผมไม่แข็งแกร่งเหมือนเมื่อก่อน แต่ดีใจมากๆ ที่มีโอกาสได้เป็นส่วนหนึ่งของบ้านเกิด"
"แม้ว่ามีเวลาไม่มาก แต่เต็มใจและเต็มที่ ต้องขอขอบคุณผู้บริหารสโมสรทุกท่านที่ให้โอกาส โดยเฉพาะพี่หม่ำ จ๊กม๊ก ประธานสโมสรและ พี่ติ๊ก (จ่าเอกสุทธิชัย ไชยวิเศษ) รองประธานสโมสร ที่ให้โอกาส"
"ผมพยายามช่วยทีมเต็มที่ หวังว่าทีมยโสธร เอฟซี จะก้าวขึ้นไปเล่นในลีกที่สูงขึ้นในไม่นานนี้ อยากขอเชิญชวนพ่อแม่พี่น้องชาวยโสธรทุกท่าน มาส่งกำลังแรงใจช่วยกันเชียร์ทีมของเราเยอะๆ และอย่าลืมมาให้กำลังใจผมเล่นในรังเหย้าของเราด้วยครับ สัญญาว่ามาแน่นอน" ไผ่ พงศธร ทิ้งท้าย
ด้วยข้อจำกัดหลายอย่าง การเข้ามาของไผ่ พงศธร ยอดนักร้องซูเปอร์สตาร์ แน่นอนว่าเป้าหมายไม่ได้อยู่ที่การเสริมความแข็งแกร่งให้กับทีมยโสธร เอฟซี
แต่เป็นมิติการสร้างกระแส ปลุกความสนใจจากแฟนบอล แฟนเพลง ประชาชนทั่วไป หรือแม้แต่สปอนเซอร์ มาสู่สโมสรมากขึ้น และแน่นอนว่านั่นคืออีกแรงที่พยุงให้ บั้งไฟพิฆาต ทะยานฟ้า พุ่งสูงได้เช่นกัน.
******
คอลัมน์คุยนอกสนาม นสพ.เดลินิวส์
เรื่อง-ภาพ : ราชกิจ กรรณิกา
เรียบเรียง : วุฒินล
