'แพทริออตส์' เชือด 'แรมส์' คว้าแชมป์ซูเปอร์โบว์ลสมัย 6
กีฬา
การแข่งขันอเมริกันฟุตบอลในศึก “ซูเปอร์ โบว์ล” ครั้งที่ 53 ที่สนามเมอร์เซเดส-เบนซ์ สเตเดี้ยม ในนครแอตแลนตา รัฐจอร์เจีย สหรัฐอเมริกา เมื่อวันอาทิตย์ที่ 3 ก.พ. ที่ผ่านมา หรือตรงกับช่วงเช้าวันจันทร์ ตามเวลาประเทศไทย นิว อิงแลนด์ แพทริออตส์ ทีมแชมป์สายเอเอฟซี พบกับ ลอส แอนเจลิส แรมส์ ทีมแชมป์จากสายเอ็นเอฟซี ท่ามกลางผู้ชมในสนาม 70,081 คน
เกมนี้ ทีมรับของทั้ง 2 ทีมทำงานได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะทีมรับของ แรมส์ ที่ทำอินเตอร์เซ็ปต์ได้ตั้งแต่การขว้างครั้งแรกของ ทอม เบรดี ควอเตอร์แบ๊กตัวเก๋าของ แพทริออตส์ โดยควอเตอร์แรกยังเสมอกันอยู่ที่ 0-0 เข้าสู่ควอเตอร์ที่ 2 “นักรบกู้ชาติ” ได้สกอร์แรกจากการเตะฟิลด์โกล์ของ สตีเฟน กอสต์คาวสกี ช่วยให้ทีมขึ้นนำ 3-0 หลังจบครึ่งแรก โดยในช่วงพักครึ่งมีการแสดง “ฮาล์ฟไทม์ โชว์” จาก “มารูน ไฟฟ์” วงดนตรีชื่อก้องโลก และมีแรพเปอร์ชื่อดังอย่าง ทราวิส สกอตต์ และ บิ๊กบอย ร่วมแสดง
เข้าสู่ควอเตอร์ที่ 3 ทีมรับของทั้งคู่ยังคงทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม โดยมรสกอร์เกิดขึ้นแค่สกอร์เดียวจากการเตะฟิลด์โกล์ของ เกร็ก ซูเออร์ลีน ช่วยให้ แรมส์ ตีเสมอเป็น 3-3 คะแนน ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ซูเปอร์โบว์ล ที่เข้าสู่ควอเตอร์สุดท้ายโดยที่ยังไม่มีทัชดาวน์จากทั้ง 2 ทีม แต่ในควอเตอร์สุดท้าย เบรดี จอมทัพของ แพทริออตส์ในวัย 41 ปี แผลงฤทธิ์ขว้างระยะ 29 หลาให้ ร็อบ กรอนคาวสกี ไทท์เอนด์คู่ใจรับที่เส้น 2 หลาหน้าบ้านของ แรมส์ ก่อนที่จะส่งให้ โซนี มิเชล วิ่งทำทัชดาวน์จากระยะ 2 หลา ขณะเหลือเวลาอีก 7 นาที ซึ่งถือเป็นทัชดาวน์เดียวที่เกิดขึ้นในเกมนี้ ก่อนที่สุดท้าย กอสต์คาวสกี จะเตะอีก 1 ฟิลด์โกล์ระยะ 41 หลา ขณะเหลือเวลา 1 นาที 12 วินาที เป็นการย้ำชัยช่วยให้ แพทริออตส์ เอาชนะไป 13-3 คะแนน คว้าแชมป์ซูเปอร์โบว์ลไปครอง โดยสถิติเป็นคู่ชิงที่ทำแต้มรวมกันน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ที่ 16 คะแนน ทำลายสถิติเดิมที่คู่ชิงปี 1973 ทำไว้ที่ 21 แต้มในเกมที่ ไมอามี ดอลฟินส์ เอาชนะ วอชิงตัน เรดสกินส์ 14-7 คะแนน
เกมนี้ ทีมรับของทั้ง 2 ทีมทำงานได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะทีมรับของ แรมส์ ที่ทำอินเตอร์เซ็ปต์ได้ตั้งแต่การขว้างครั้งแรกของ ทอม เบรดี ควอเตอร์แบ๊กตัวเก๋าของ แพทริออตส์ โดยควอเตอร์แรกยังเสมอกันอยู่ที่ 0-0 เข้าสู่ควอเตอร์ที่ 2 “นักรบกู้ชาติ” ได้สกอร์แรกจากการเตะฟิลด์โกล์ของ สตีเฟน กอสต์คาวสกี ช่วยให้ทีมขึ้นนำ 3-0 หลังจบครึ่งแรก โดยในช่วงพักครึ่งมีการแสดง “ฮาล์ฟไทม์ โชว์” จาก “มารูน ไฟฟ์” วงดนตรีชื่อก้องโลก และมีแรพเปอร์ชื่อดังอย่าง ทราวิส สกอตต์ และ บิ๊กบอย ร่วมแสดง
เข้าสู่ควอเตอร์ที่ 3 ทีมรับของทั้งคู่ยังคงทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม โดยมรสกอร์เกิดขึ้นแค่สกอร์เดียวจากการเตะฟิลด์โกล์ของ เกร็ก ซูเออร์ลีน ช่วยให้ แรมส์ ตีเสมอเป็น 3-3 คะแนน ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ซูเปอร์โบว์ล ที่เข้าสู่ควอเตอร์สุดท้ายโดยที่ยังไม่มีทัชดาวน์จากทั้ง 2 ทีม แต่ในควอเตอร์สุดท้าย เบรดี จอมทัพของ แพทริออตส์ในวัย 41 ปี แผลงฤทธิ์ขว้างระยะ 29 หลาให้ ร็อบ กรอนคาวสกี ไทท์เอนด์คู่ใจรับที่เส้น 2 หลาหน้าบ้านของ แรมส์ ก่อนที่จะส่งให้ โซนี มิเชล วิ่งทำทัชดาวน์จากระยะ 2 หลา ขณะเหลือเวลาอีก 7 นาที ซึ่งถือเป็นทัชดาวน์เดียวที่เกิดขึ้นในเกมนี้ ก่อนที่สุดท้าย กอสต์คาวสกี จะเตะอีก 1 ฟิลด์โกล์ระยะ 41 หลา ขณะเหลือเวลา 1 นาที 12 วินาที เป็นการย้ำชัยช่วยให้ แพทริออตส์ เอาชนะไป 13-3 คะแนน คว้าแชมป์ซูเปอร์โบว์ลไปครอง โดยสถิติเป็นคู่ชิงที่ทำแต้มรวมกันน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ที่ 16 คะแนน ทำลายสถิติเดิมที่คู่ชิงปี 1973 ทำไว้ที่ 21 แต้มในเกมที่ ไมอามี ดอลฟินส์ เอาชนะ วอชิงตัน เรดสกินส์ 14-7 คะแนน