กกท.ทัวร์สนามโอลิมปิก 'ก้องศักด-ปัทมา' ทึ่งญี่ปุ่นสร้างครบวงจร
กีฬา
“บิ๊กก้อง” กล่าวว่า เราได้ดูสนามแข่งขันที่จะใช้รองรับโอลิมปิกเกมส์ 2020 ไม่ว่าจะเป็นโอลิมปิก สเตเดี้ยม ที่มีการทุบสนามเก่าทิ้งและสร้างใหม่หมดให้ได้ตามมาตรฐานโอลิมปิก, ศูนย์กีฬาทางน้ำ, เทนนิส, วอลเลย์บอล และอื่นๆ อีกมากมาย สิ่งที่ประทับใจคือการจัดพื้นที่ของแต่ละกีฬา ทำได้อย่างกลมกลืน วางแผนผังได้ยอดเยี่ยม ทั้งที่เป็นเมืองที่มีประชากรหนาแน่น เชื่อว่าหลังโอลิมปิกเกมส์จบลง สนามแข่งขันเหล่านี้จะเป็นสถานที่สำคัญของคนญี่ปุ่น ที่จะใช้จัดแข่งขันรายการใหญ่ๆ อีกมากมายในอนาคต
สำหรับหมู่บ้านนักกีฬา ที่กำลังอยู่ระหว่างก่อสร้างนั้น ญี่ปุ่นใช้เทคโนโลยีเต็มที่เพื่อเน้นความปลอดภัย ป้องกันฝุ่นและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ไม่กระทบสถานที่อื่นๆ ที่อยู่ใกล้เคียงเลย ถือเป็นแบบอย่างที่ดีให้เรานำไปปรับใช้ปรับปรุงสนามกีฬาต่างๆ ในไทย ที่ กกท. มีโครงการอยู่แล้วอย่าง สนามราชมังคลากีฬาสถาน หมวกเหล็ก นครราชสีมา และเชียงใหม่ เป็นต้น
“ทุกครั้งที่นักกีฬาไทยออกไปแข่งขันต่างประเทศ สิ่งที่จะขาดไม่ได้คือไทยเฮ้าส์ ที่คอยบริการแบะอำนวยความสะดวกให้กับนักกีฬาและเจ้าหน้าที่ไทย ในเรื่องต่างๆ อย่างครบถ้วน ซึ่งในโอลิมปิกเกมส์ครั้งนี้แม้จะยังไม่ได้พิจารณาว่าจะตั้งไทยเฮ้าส์จุดไหน แต่จากภาพรวมก็คิดว่าน่าจะต้องอยู่แถวๆ หมู่บ้านนักกีฬา เพราะจะได้สะดวกต่อนักกีฬา และพื้นที่ตรงนั้นยังมีทำเลที่ใกล้กับสนามกีฬาหลายชนิดด้วย” ดร.ก้องศักด กล่าว
ขณะที่ คุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล กรรมการโอลิมปิกระหว่างประเทศ (ไอโอซีเมมเบอร์) กล่าวว่า สิ่งที่ประทับใจที่สุด คือ โตเกียว โอลิมปิก สเตเดี้ยม ที่จุคนได้มากที่สุดในโอลิมปิกเกมส์ 2020 คือ 68,000 คน และสามารถขยายได้ถึง 80,000 คน เป็นสังเวียนรอบชิงชนะเลิศของกีฬาฟุตบอล และกรีฑา รวมทั้งใช้จัดพิธีเปิด-ปิด นอกจากนี้ยังเป็นสนามที่ผู้ชมให้ความสนใจจับจองตั๋วมากที่สุด แม้ว่าราคาจะแพงที่สุดเช่นกัน
“นอกจากนี้เรายังได้เห็นความพร้อม รวมถึงเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นประเทศที่มีความพิถีพิถัน ทุกอย่างเป็นไปตามกำหนด ถึงขนาดที่ทางโอลิมปิกสากล ชื่นชมว่าไม่เคยมีเจ้าภาพโอลิมปิกเกมส์ชาติไหน ที่เตรียมพร้อมได้ดีขนาดนี้ นับว่าเป็นประโยชน์สูงสุดที่เราได้มาเยี่ยมชมและศึกษา เพื่อนำกลับไปปรับใช้ที่เมืองไทยต่อไป” คุณหญิงปัทมา กล่าว