'ช้างศึก'คืนชีพ'ชนาธิป' ยิงดับ'บาห์เรน'มีลุ้นเข้ารอบ
กีฬา
สำหรับทีมไทย เพิ่งมีการเปลี่ยนแปลงกระทันหัน หลังแพ้ อินเดีย พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ประกาศปลด มิโลวาน ราเยวัช กุนซือชาวเซอร์เบีย จากตำแหน่งทันที พร้อมให้ "โค้ชโต่ย" ศิริศักดิ์ ยอดญาติไทย หลังจากเข้ามาทำหน้าที่หัวหน้าผู้ฝึกสอนขัดตาทัพ ขณะเดียวกัน หลังแพ้ทีมภารตะ กระแสทั่วไปและโลกโซเชียล ต่างวิพากษ์ วิจารณ์การทำหน้าที่ของ พล.ต.อ.สมยศ อย่างกว้างขวาง โดยมีกลุ่มที่เรียกร้องให้ลาออกจากตำแหน่งประมุขลูกหนังไทย ทำให้นัดนี้นอกจากทีมชาติไทย จะแพ้ไม่ได้ เพราะส่งผลทำให้โอกาสตกรอบสูงแล้ว ยังอาจทำให้กระแสขับไล่ บิ๊กอ๊อด โหมกระพืออีกครั้ง
โค้ชโต่ย เปลี่ยนระบบที่ ราเยวัช นิยมใช้ 4-3-3 มาเป็น 3-5-2 มี ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน เป็นผู้รักษาประตู, เซ็นเตอร์ 3 คน พรรษา เหมวิบูลย์, สุพรรณ ทองสงค์, อดิศร พรหมรักษ์, กองกลาง ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์, ธนบูรณ์ เกษารัตน์, ตัวรุก ชนาธิป สรงกระสินธ์, ริมเส้น ธีราทร บุญมาทัน กับ ทริสตอง โด และกองหน้าคู่ อดิศักดิ์ ไกรษร, ธีรศิลป์ แดงดา ที่เป็นกัปตันทีม
ครึ่งแรกช้างศึกลงไปตั้งรับและรอสวนกลับ ซึ่งทำได้ดีพอสมควร แถมยังมีโอกาสสวนเป็นครั้งคราว แต่จังหวะสุดท้ายยังยิงไม่ได้ลุ้น ทว่า จากการโดนกดดันหนักนี่เอง ทำให้แนวรับไทยต้องงัดเกมหนักมารับมือ ทำให้ 3 เซ็นเตอร์ต้องโดนใบเหลืองทั้งหมด ทั้ง พรรษา เหมวิบูลย์ นาที 13, สุพรรณ ทองสงค์ นาที 20 และอดิศร พรหมรักษ์ นาที 45 รวมทั้งกองหน้าอย่าง อดิศักดิ์ ไกรษร ก็โดนเหลืองนาที 43 จบครึ่งแรกยังเสมอ 0-0
ครึ่งหลังไทยเกมดีขึ้น กระทั่งนาทีที่ 58 ก็ขึ้นนำ จากการขึ้นเกมฝั่งขวาของ ทริสตอง โด ตบเข้าในให้ "เมสซี่เจ" ชนาธิป สรงกระสินธ์ วิ่งเข้ามายิงตุงตาข่าย ช้างศึก ออกนำ 1-0 จากนั้นทีมไทยเปลี่ยนตัวนาทีที่ 68 สรรวัชญ์ เดชมิตร ลงแทน ธนบูรณ์ เกษารัตน์ ซึ่งก็ยังเล่นได้ดี นาทีที่ 72 ชนาธิป แทงเหนือชั้นให้ อดิศักดิ์ ไกรษร หลุดไปยิงชนเสา อีก 4 นาทีต่อมาจากฟรีคิก ธีราทร บุญมาทัน เปิดกดดัน ซายิด ชับบาร์ โกลบาห์เรน ทุบโดยหลัง สุพรรณ กระเด้งชนเสาอีก จากนั้นไทย เปลี่ยนตัว ศุภชัย ใจเด็ด ลงแทน อดิศักดิ์ ไกรษร
เวลาที่เหลือ ทำอะไรกันไม่ได้ จบเกม ไทยชนะ 1-0 เก็บ 3 แต้มแรก โอกาสเข้ารอบกลับมาสดใสทันที นัดสุดท้ายพบ ยูเออี วันที่ 14 ม.ค. เวลา 23.00 น.