เกมชี้ชะตา 'ช้างศึก' พูลชี้เป็นรองคู่แข่ง
กีฬา
สำหรับทีมชาติไทย เพิ่งมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่หลังแพ้ อินเดีย เมื่อ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย สั่งปลด มิโลวาน ราเยวัช ออกจากตำแหน่งหัวหน้าโค้ช พร้อมทั้งให้ "โค้ชโต่ย" ศิริศักดิ์ ยอดญาติไทย ขึ้นจากผู้ช่วย มาเป็นกุนซือขัดตาทัพ ขณะที่ "โค้ชโชค" โชคทวี พรหมรัตน์ เป็นผู้ช่วย ซึ่งเมื่อวันที่ 9 ม.ค. ได้มีการแถลงข่าวก่อนเกม และซ้อมอย่างเป็นทางการที่สนามแข่งจริง อัล มัคตูม สเตเดียม
ด้าน ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ กองกลางคนสำคัญ กล่าวว่า ถึงเวลานี้ทุกคนยังพร้อมที่จะสู้เต็มที่ หวังว่าจะมีแต้ม จาก 2 นัดที่เหลือ แม้นัดแรกจะแพ้ แต่สถานการณ์ยังไม่ได้เสียหาย เพราะยังมีลุ้นจาก 2 เกมที่เหลือ(บาห์เรน, ยูเออี) ถ้าทุกอย่างลงตัวมากขึ้น ประกอบกับศักยภาพผู้เล่นไทยที่ดี เชื่อว่าสู้ได้ทั้ง 2 ทีม ที่สำคัญยังมีสมาธิ และยังไม่ได้เสียความมั่นใจ ส่วนตัวแล้วมีโอกาสได้ดู บาห์เรน เล่นในนัดแรก เป็นทีมที่แข็งแกร่ง
"คงไม่ใช่เกมที่ง่าย ต้องศึกษาจุดแข็ง และจุดอ่อนของ บาห์เรน ให้ละเอียด แน่นอนว่า จากสถานการณ์ของเราที่ไม่มีอะไรจะเสียแล้ว เราก็ต้องการเก็บ 3 คะแนนให้ได้เหมือนกัน” มิดฟิลด์ช้างสึก กล่าว
สำหรับทีมไทย อยู่อันดับ 118 ของโลก, บาห์เรน 113 ของโลก นัดแรก บาห์เรน เสมอ "เจ้าภาพ" ยูเออี 1-1 สถิติที่สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟ่า บันทึก เจอกัน 7 ครั้ง ไทย ชนะ 1, บาห์เรน ชนะ 2 และ เสมอกัน 4 ครั้ง
ขณะที่โอกาสการแพ้ชนะของคู่นี้ บริษัทรับพนันถูกกฎหมายต่างประเทศ ยกให้ บาห์เรน เหนือกว่า โดย "bet 365" ออกอัตรา บาห์เรน 1/1 (แทง 1 ได้ 1 ไม่รวมทุน), ไทย 3/1 (แทง 1 ได้ 3) และอัตราเสมอ 11/5
การพบกับ บาห์เรน ถือเป็นนัดสำคัญอย่างมากของทีมชาติไทย แม้ว่าการคัดเลือกทีมเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายของแต่ละกลุ่มนั้น นอกจากทีมที่ 1-2 การันตีเข้ารอบ แล้วยังมีอันดับ 3 ที่ดีที่สุด 4 จาก 6 กลุ่ม อย่างไรก็ตาม การที่ทีมไทยแพ้นัดแรกถึง 1-4 จึงมีผลต่อผลต่างประตูได้เสียที่ลบไปแล้ว 3 ดังนั้นหากแพ้อีกโอกาสริบหรี่มาก นอกจากนี้ยังอาจทำให้กระแสขับไล่ "บิ๊กอ๊อด" พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย กลับมาระอุอีกครั้ง หลังจากร้อนแรงสุดๆ จากเกมแพ้ อินเดีย