'ช้างศึก'หมดสภาพพ่าย'แข้งภารตะ' สุดยับเยิน1-4
กีฬา
Webmaster
2019-01-06 22:11:00
11
Webmaster
2019-01-06 22:11:00
11
-
สนับสนุนเนื่อหา
ศึกฟุตบอลเอเชี่ยนคัพ 2019 รอบสุดท้าย ที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ที่อัล นาห์ยาน สเตเดี้ยม เมื่อวันที่ 6 ม.ค. กลุ่ม A "ช้างศึก" ทีมชาติไทย อันดับ 118 ของโลก ประเดิมสนามนัดแรก พบกับ "แข้งภารตะ" ทีมชาติอินเดีย อันดับ 97 ของโลก สถิติเจอกัน ที่สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) ได้บันทึกไว้ ดวลแข้ง 22 นัด ไทย ชนะ 11 นัด อินเดีย ชนะ 4 นัด และเสมอ 6 นัด
เกมนี้ มิโลวาน ราเยวัช กุนซือทีมช้างศึก จัดผู้เล่น 11 ตัวจริง ระบบ 4-2-3-1 ดังนี้ ผู้รักษาประตู ฉัตรชัย บุตรพรม, กองหลัง ธีราทร บุญมาทัน, เฉลิมพงษ์ เกิดแก้ว, พรรษา เหมวิบูลย์, ทริสตอง โด, กองกลางตัวรับ ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ กับ สรรวัชญ์ เดชมิตร, กองกลางตัวรุก อดิศักดิ์ ไกรษร, "เมสซี่เจ" ชนาธิป สรงกระสินธ์ และ ศุภชัย ใจเด็ด โดยมี "เทพมุ้ย" ธีรศิลป์ แดงดา กัปตันทีม เป็นกองหน้าตัวเป้า
ส่วน สตีเฟน คอนสแตนติน กุนซือทีมแดนภารตะ ส่ง ซูนิล เชตริ จอมเตะตัวเก๋าวัย 34 ปี ยืนหน้าเป้า มี กูร์ปีต ซิงห์ สันธุ ผู้รักษาประตูมือ 1 เป็นกัปตันทีม
ครึ่งแรก ไทย ทำเกมครองบอลบุกเข้าทำได้เหนือกว่า นาทีที่ 10 ฐิติพันธ์ ได้ส่องนอกกรอบบอลไซด์ออกเสาไปหวุดหวิด จากนั้น "ช้างศึก" ยังบุกได้น่ากลัว นาทีที่ 22 ทริสตอง โด เปิดฟรีคิกให้ พรรษา โดดโหม่งหน้าประตู แต่บอลไปติดผู้เล่นอินเดียเคลียร์ออกไป
แต่แล้วนาทีที่ 27 ไทย มาเสียจุดโทษแบบโชคร้าย จากจังหวะที่ ฉัตรชัย บุตรพรม เตะบอลไปโดนมือธีราทร ซึ่ง ซูนิล เชตริ ยิงไม่พลาดเป้า นำ อินเดีย นำ 1-0 แต่ "ช้างศึก" ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ตามตีเสมอเร็ว 1-1 จากจังหวะที่ ธีราทร หยอดฟรีคิกให้ "เทพมุ้ย" โหม่งเข้าไปในนาทีที่ 33 จบ 45 นาที เสมอกัน 1-1
ครึ่งหลัง เริ่มมาแค่ 2 นาที อินเดีย โต้กลับเร็วลูกมาเข้าทางปืน ซูนิล เชตริ ยิงไกลเสียบใต้คานเข้าไปอย่างสวยงาม "แข้งโรตี" ขึ้นนำอีกครั้ง 2-1 นาทีที่ 58 ไทย เปลี่ยนตัวคนแรกส่ง กรกช วิริยอุดมสิริ แทน สรรวัชญ์ แต่ อินเดีย ที่ยิ่งเล่นยิ่งดีมาได้ประตูหนีห่าง 3-1 จากการยิงของ อนิรุธ ทาปา นาทีที่ 68
จากนั้น นาทีที่ 73 ราเยวัช แก้เกมอีกครั้ง ส่ง สิโรจน์ ฉัตรทอง ลงแทน ชนาธิป แต่ก็ยังไม่ดีขึ้น ช่วงท้ายเกม นาทีที่ 80 อินเดีย มาได้ประตูที่ 4 ตอกฝาโลงจากการยิงอันสุดงามของ เจเจ ลัลเปคลัว กองหน้าตัวสำรอง จบเกม อินเดีย ถล่ม ไทย 4-1 เก็บ 3 แต้มแรกเอาไว้ได้อย่างสวยงาม
สำหรับนัดต่อไปวันที่ 10 ม.ค. เวลา 18.00 น. ไทย จะพบกับ บาห์เรน ที่อัล มัคตูม สเตเดี้ยม ในนครดูไบ
เกมนี้ มิโลวาน ราเยวัช กุนซือทีมช้างศึก จัดผู้เล่น 11 ตัวจริง ระบบ 4-2-3-1 ดังนี้ ผู้รักษาประตู ฉัตรชัย บุตรพรม, กองหลัง ธีราทร บุญมาทัน, เฉลิมพงษ์ เกิดแก้ว, พรรษา เหมวิบูลย์, ทริสตอง โด, กองกลางตัวรับ ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ กับ สรรวัชญ์ เดชมิตร, กองกลางตัวรุก อดิศักดิ์ ไกรษร, "เมสซี่เจ" ชนาธิป สรงกระสินธ์ และ ศุภชัย ใจเด็ด โดยมี "เทพมุ้ย" ธีรศิลป์ แดงดา กัปตันทีม เป็นกองหน้าตัวเป้า
ส่วน สตีเฟน คอนสแตนติน กุนซือทีมแดนภารตะ ส่ง ซูนิล เชตริ จอมเตะตัวเก๋าวัย 34 ปี ยืนหน้าเป้า มี กูร์ปีต ซิงห์ สันธุ ผู้รักษาประตูมือ 1 เป็นกัปตันทีม
ครึ่งแรก ไทย ทำเกมครองบอลบุกเข้าทำได้เหนือกว่า นาทีที่ 10 ฐิติพันธ์ ได้ส่องนอกกรอบบอลไซด์ออกเสาไปหวุดหวิด จากนั้น "ช้างศึก" ยังบุกได้น่ากลัว นาทีที่ 22 ทริสตอง โด เปิดฟรีคิกให้ พรรษา โดดโหม่งหน้าประตู แต่บอลไปติดผู้เล่นอินเดียเคลียร์ออกไป
แต่แล้วนาทีที่ 27 ไทย มาเสียจุดโทษแบบโชคร้าย จากจังหวะที่ ฉัตรชัย บุตรพรม เตะบอลไปโดนมือธีราทร ซึ่ง ซูนิล เชตริ ยิงไม่พลาดเป้า นำ อินเดีย นำ 1-0 แต่ "ช้างศึก" ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ตามตีเสมอเร็ว 1-1 จากจังหวะที่ ธีราทร หยอดฟรีคิกให้ "เทพมุ้ย" โหม่งเข้าไปในนาทีที่ 33 จบ 45 นาที เสมอกัน 1-1
ครึ่งหลัง เริ่มมาแค่ 2 นาที อินเดีย โต้กลับเร็วลูกมาเข้าทางปืน ซูนิล เชตริ ยิงไกลเสียบใต้คานเข้าไปอย่างสวยงาม "แข้งโรตี" ขึ้นนำอีกครั้ง 2-1 นาทีที่ 58 ไทย เปลี่ยนตัวคนแรกส่ง กรกช วิริยอุดมสิริ แทน สรรวัชญ์ แต่ อินเดีย ที่ยิ่งเล่นยิ่งดีมาได้ประตูหนีห่าง 3-1 จากการยิงของ อนิรุธ ทาปา นาทีที่ 68
จากนั้น นาทีที่ 73 ราเยวัช แก้เกมอีกครั้ง ส่ง สิโรจน์ ฉัตรทอง ลงแทน ชนาธิป แต่ก็ยังไม่ดีขึ้น ช่วงท้ายเกม นาทีที่ 80 อินเดีย มาได้ประตูที่ 4 ตอกฝาโลงจากการยิงอันสุดงามของ เจเจ ลัลเปคลัว กองหน้าตัวสำรอง จบเกม อินเดีย ถล่ม ไทย 4-1 เก็บ 3 แต้มแรกเอาไว้ได้อย่างสวยงาม
สำหรับนัดต่อไปวันที่ 10 ม.ค. เวลา 18.00 น. ไทย จะพบกับ บาห์เรน ที่อัล มัคตูม สเตเดี้ยม ในนครดูไบ
